พิกุลทอง
กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้วยังมีแม่หม้ายขี้โอ่คนหนึ่ง นอกจากจะไม่สวยแล้วยังปากร้าย ระรานชาวบ้านเป็นนิจสิน ไม่มีใครอยากจะคบหรือพูดด้วย
หญิงขี้เหร่คนนี้มีลูกสาว 2 คน ที่แปลกก็คือ ลูกสาวคนโตที่ชื่อ มะลิ มีรูปร่างหน้าตาและนิสัยเหมือนแม่ ส่วนคนน้องชื่อ พิกุล หน้าตาและนิสัยไม่เหมือนแม่เลย กลับไปเหมือนพ่อที่ตายไปนานแล้ว หน้าตาหมดจด รูปร่างกริยาท่าทางเรียบร้อยสำรวมดี จะพูดจาก็ไพเราะ ชาวบ้านไม่ชอบแม่หม้ายและมะลิ กลับไม่รังเกียจพิกุล ไปที่ไหนใครๆ ก็ทักทาย พูดคุยด้วยความเอ็นดูและเมตตา
แม่หม้ายกลับไม่รักลูกคนเล็ก รักมะลิลูกสาวคนโตมาก เพราะมีนิสัยเหมือนกัน ด้วยความรักแกจึงไม่ค่อยจะใช้งาน หากจะใช้บ้างก็มีแต่งานเบาๆ งานหนักในบ้านจึงตกเป็นหน้าที่ของพิกุล
พิกุลต้องตักน้ำ ตำข้าว รดน้ำผัก เย็นวันหนึ่งพิกุลออกไปตักน้ำที่ลำห้วย ขณะที่แบกหม้อน้ำมาถึงต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เห็นหญิงชราคนหนึ่งนั่งพิงต้นไม้ ด้วยความเหนื่อย เมื่อหญิงแก่ขอน้ำกินพิกุลก็เดินเข้าไปหา แล้วก็ส่งหม้อน้ำให้ด้วยความเต็มใจ เมื่อหญิงชรารับน้ำไปดื่มจนอิ่ม แล้วก็พูดขึ้นว่า
"ยายขอบใจหลาน จงเอาหม้อน้ำของหลานกลับไป" เมื่อรับหม้อน้ำ ยายแก่จึงกล่าวต่อไปว่า "หลานเอ๋ย เจ้าช่างเป็นคนใจดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ พูดจาก็ไพเราะ มาเข้ามาใกล้ๆ ยาย ยายจะให้รางวัล"
ความจริงหญิงชรานั้นก็คือ นางไม้ ผู้มีฤทธิ์แปลงตัวมา แต่พิกุลไม่รู้จัก เมื่อพิกุลชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ หญิงชราแกก็ให้พรว่า
"ตั้งแต่นี้ไป เมื่อหลานพูดคำไหน จะมีดอกพิกุลทองร่วงมาจากปากหลาน คำละดอกเสมอไป" พอให้พรเสร็จร่างของหญิงชราก็ค่อยๆ เลือนหายไป พิกุลทองก้มลงกราบที่โคนไม้ แล้วก็แบกหม้อน้ำกลับบ้าน
พอถึงบ้านพิกุลก็ถูกแม่ดุด่า "เอ็งไปตักน้ำแค่นี้ทำไมถึงได้นานนัก คงจะไปไถลเลี่ยงงานมาน่ะซี"
พิกุลจะพยายามจะเล่าความจริงให้แม่ฟัง และขอโทษในความล่าช้า พอพิกุลพูดคำว่า "ขอโทษจ๊ะแม่" ขาดคำดอกพิกุลก็ร่วงมาจากปากหล่นลงยังพื้นเรือน หญิงหม้ายพอเห็นเช่นนั้นก็ตาลุกร้องว่า
"นี่มันดอกพิกุลทองนี่ ที่ร่วงมาจากปากของเจ้า ลูกของแม่ไปได้มาจากไหน" เป็นครั้งแรกที่แม่เรียกพิกุลว่า "ลูกของแม่"
พิกุลเป็นเด็กซื่อ จึงเล่าความจริงให้แม่ฟังทุกอย่าง ขณะเล่าก็มีดอกพิกุลล่วงลงมาทุกคำไป แม่ก็เอามือรองบ้าง กวาดเก็บจากพื้นบ้าง เก็บไว้เป็นของตัวทั้งหมด เมื่อพิกุลเล่าเรื่องทั้งหมดจบลง แล้วแกก็พูดว่า
"เอาล่ะตั้งแต่นี้ต่อไป เรานับวันจะมั่งมีเทียมหน้าคนอื่นแล้ว แม่จะไม่ให้ลูกของแม่ทำอะไรอีกเลย วันๆ หนึ่งขอให้นั่งคุยกับแม่เท่านั้นก็พอแล้ว"
ตั้งแต่นั้นต่อมา พิกุลทองก็นั่งอยู่แต่ในห้องกับแม่ ที่ตั้งหน้าตั้งตาจะชวนคุย ถามโน่นถามนี่ เพื่อให้พิกุลตอบแกโดยไม่หยุดหย่อน ทั้งกลางวันกลางคืน เพื่อจะให้ได้พิกุลทองให้มากที่สุด แม้ได้พิกุลทองวันละมากมาย แกก็ยังไม่พอใจ อยากได้อีกมากๆ พิกุลต้องนั่งพูดจนเหนื่อย นานเข้าถ้าพิกุลหยุดพูด แกก็จะด่าว่าและถึงตบตี พิกุลจะวิงวอนขอพักผ่อนบ้าง เขาก็ไม่ยอม
ในที่สุดเมื่อไม่ได้กินได้นอน พิกุลก็อ่อนเพลียเสียงแห้งลงๆ เมื่อไม่มีเสียงออกมาจากลำคอ ดอกพิกุลทองก็ไม่ร่วง แม่หม้ายผู้ละโมภ จึงคิดได้ว่า "เราก็มีลูกสาวอีกคนหนึ่ง มะลิอย่างไร เราต้องใช้ให้มะลิไปตักน้ำบ้าง จะได้พบยายแก่มาขอน้ำกิน แล้วมะลิก็จะได้รับพรอย่างพิกุลเป็นแน่ สบายละเรา"
คิดดีแล้วหญิงหม้ายก็ใช้มะลิออกไปตักน้ำ สั่งลูกสาวคนโตว่า" ถ้าเอ็งพบยายแก่กลางทาง แกจะขอน้ำกิน รีบให้แกกินนะลูก แกจะได้ให้รางวัล"
มะลิฟังคำแม่แล้ว ก็แบกหม้อตักน้ำไปที่ลำห้วย เนื่อจากเป็นลูกรักของแม่ เกิดมาไม่เคยทำงานหนัก มะลิจึงอารมณ์เสีย เดินบ่นหน้างอไปตลอดทาง พอได้น้ำแล้วก็แบกน้ำที่พร่องหม้อกลับบ้าน ผ่านต้นไม้ใหญ่ แต่แทนที่จะได้พบหญิงชรา เหมือนพิกุลผู้น้อง กลับพบสาวสวยคนหนึ่ง แต่งตัวด้วยแพรพรรณงดงาม มีเครื่องประดับที่สูงค่า ยืนอยู่ใต้ต้นไม้เดียวกันนั้น และร้องขอน้ำกินจากมะลิ
ความจริงหญิงสาวนั้นคือ นางไม้ คนเดิมปลอมตัวมานั่นเอง มะลิเห็นไม่ใช่หญิงชราตรงตามที่แม่สั่ง ประกอบทั้งมะลิมักจะไม่ชอบหน้าผู้หญิง ที่สวยกว่าตัวอยู่แล้ว จึงตอบสบัดๆ ปราศจากหางเสียงว่า
"เออ! อะไรกันคนสวย น้ำนี้ฉันลงแรงตักมาแสนเหนื่อย แกจะเล่นมาขอกินเฉยๆ ไม่มีทางหรอกสาวๆ แข็งแรงอย่างนี้ อยากกินก็เดินไปกินเองที่ลำห้วยโน่นแน่ะ" ว่าแล้วมะลิก็รีบสาวเท้า ผละหนีกลับบ้านอย่างไม่เอื้อเฟื้อ หญิงสาวนั้นจึงเดินตามและยึดตัวมะลิไว้ พูดว่า
"ช่างไม่เอื้อเฟื้อเสียเลยนะ แล้วยังไม่สุภาพด้วย เอาเถอะฉันจะให้พรแก ให้สมกับความปากร้ายของแก ตั้งแต่นี้ต่อไป ทุกคำที่แกพูดจะมีไส้เดือน กิ้งกือ หล่นลงมาจากปากเสมอไป" พูดเท่านั้นหญิงสาวก็หายวับไปกับตา
มะลิตกใจมาก วิ่งกลับมาถึงบ้าน พอเห็นหน้าแม่ก็ร้องว่า "โอ๊ย! แม่" ยังไม่ทันจะพูดต่อไป ก็มีไส้เดือนกิ้งกือร่วงออกมาจากปาก เมื่อมะลิเล่าเรื่องของตัวเองให้แม่ฟัง พูดคำใดก็มีไส้เดือน แมงป่อง ตะขาบ กิ้งกือ ร่วงลงมาจากปาก พอเล่าเสร็จปรากฎว่าสัตว์เหล่านั้น เลื้อยคลานเต็มบ้านไปหมด
แม่หม้ายเห็นเช่นนั้น กลับโกรธลูกสาวคนเล็ก ว่ามาเล่าเรื่องเท็จให้ฟัง ฉวยไม้ไล่ตีจนพิกุลหนีออกจากบ้านเข้าป่าไป นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่กลางป่า เพราะหมดปัญญาจะเดินทางต่อไป
ขณะนั้นมีเจ้าชายหนุ่มขับม้าผ่านมาเห็นเข้า จึงหยุดม้าถามพิกุล พิกุลก็เล่าว่า ถูกแม่ด่าตีขับไล่ออกจากบ้าน ขณะที่เล่าก็มีดอกพิกุลทองร่วงจากปาก เจ้าชายเห็นเช่นนั้น ประหลาดใจมากลงจากหลังม้า เข้าไปทรงเก็บดอกพิกุลทองขึ้นมาพิจารณา แล้วเปล่งสุรเสียง ด้วยความประหลาดพระทัย
เอ๊ะ! แม่นาง พิกุลเหล่านี้เป็นทองแท้ๆ นี่ ไหนลองเล่าเรื่องให้ฉันฟังให้ตลอดซิ"
พิกุลจึงเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบถวาย เจ้าชายทรงฟังแล้วก็ตบพระหัตถ์ "งั้นก็เธอนี่เองน่ะซี ที่เป็นเนื้อคู่ของฉัน" ว่าแล้วเจ้าชายก็ตรัสเล่าให้พิกุลฟังว่า
"ที่ฉันขับม้าออกมาในป่าวันนี้ เพราะเมื่อคืนฉันฝันประหลาดว่า ตัวฉันเดินผ่านต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง พบหญิงชราคนหนึ่งร้องเรียกฉันให้หยุด แล้วบอกให้ฉันขับม้าเข้ามาในป่าวันนี้ จะได้พบเนื้อคู่เป็นหญิง ที่ทุกคำที่กล่าวจะมีดอกพิกุลทองร่วง ตามมาคำละดอก คำบอกเล่าของหญิงชราได้กลายเป็นความจริงแล้ว แต่งงานกับฉันเถิด ฉันจะพาไปอยู่ในวัง"
พิกุลจึงทูลตอบว่า "เป็นพระคุณ เพราะหม่อมฉันก็หมดหนทางไป แต่เราก็ควรพากันไปที่ต้นไม้ใหญ่ แม้ไม่พบหญิงชรา เราก็จะกราบโคนไม้ระลึกถึงพระคุณของแก"
ว่าแล้ว เจ้าชายก็ประคองพิกุลให้ขึ้นนั่งซ้อนบนหลังม้า พากันไปกราบไหว้ต้นไม้ใหญ่ อันเป็นที่สิงสถิตย์ของนางไม้ผู้มีพระคุณ เพื่อขอพรให้ประสบแต่ความสุขสำราญ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น